8/11/2550

แลกเปลี่ยน :: การแบ่งเวลาของลูก การบ้าน เกม ทีวี ??

อยากแลกเปลี่ยนกับบ้านอื่นๆ ว่าให้ลูกจัดเวลาในการทำการบ้าน เล่นเกม ดูทีวี อย่างไรร
ที่บ้านให้เข้านอน 3ทุ่ม ดึกไปไหม สำหรับเด็กประถมต้น
เราควรจำกัดเวลาลูกดูทีวี เล่นเกมมากน้อยแค่ไหนคะ
แม่ปาร์

4 ความคิดเห็น:

*O* กล่าวว่า...

ประเด็นนี้น่าสนใจและขอเชิญชวนให้พวกเราแลกเปลี่ยนกันเยอะๆนะคะ
ครูอ้อเพิ่งไปฟังเสวนา "ครอบครัวเรียนรู้เรื่องเกม" มา จัดโดยมูลนิธิอินเตอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ที่ที.เค.ปาร์ค เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๐ ค่ะ
วิทยากรที่เรียกคนฟังโดยเฉพาะเด็กๆ (ทั้งๆที่โทรไปถามก่อนแล้วว่าเสวนานี้สำหรับเด็กหรือผู้ใหญ่ คือผู้จัดตั้งใจให้ผู้ใหญ่มาฟังค่ะ) โดยเฉพาะเด็กผู้พิศมัยเกม คือ อ.โต ดร.วิษณุ โคตรจรัส จากจุฬาฯ ซึ่งท่านนำตัวอย่างเกมต่างๆ มาให้พ่อแม่ได้รู้จัก จะได้เข้าใจว่าลูกไปพบอะไรในเกมบ้าง ฟังดูแล้วคงเหมือนการเลือกสื่อต่างๆให้ลูกค่ะ คือเกมมีหลายระดับ ตั้งแต่สนุกสนานให้ความรู้ กุ๊กกิ๊ก ไปจนถึงค่อนข้างรุนแรง เทียบกับภาพยนตร์ก็ประมาณ เรท อาร์ ทั้งในแง่การใช้อาวุธ และ ความน่ากลัวสยองขวัญ แต่บางเกมก็ฝึกการวางกลยุทธ์เป็นทีม ซึ่งผู้เล่นต้องใช้เวลาวางแผนบนกระดาษก่อนเล่นเกมจริง (ที่ถูกที่ควรทำ แต่จะมีกี่คนที่ทำ)
ทั้งหลายทั้งปวงสามารถดูแลได้ด้วยการใส่ใจ เลือกสรร อย่างการเลือกซื้อเกม แม้เราไม่รู้จัก แต่จะมีเรท ระดับอายุ อยู่ข้างกล่อง การปล่อยลูกไปเล่นในเน็ตคาเฟ่ โดยส่วนตัวครูอ้อว่าเสี่ยงมาก เพราะเกมเหล่านั้นมิได้ถูกคัดกรองด้วยความเหมาะสม แต่จะเลือกเกมที่สะใจคนเล่น ใหม่ล่าสุด ที่น่าตกใจคือ บางเกมที่เขายกตัวอย่างมีภาพมาให้ดู บอกว่าไม่เหมาะสำหรับเด็กเลย กลับมีให้บริการตามเน็ต คาเฟ่ หรือ บางทีพ่อแม่ซื้อให้เอง มีเด็กบางคนในห้องยังชี้แล้วบอกว่าอันนี้ไง (เรียกชื่อถูก) เคยเล่น

*O* กล่าวว่า...

ต่อนะคะ
ส่วนวิทยากรอีกท่านเป็นคุณหมอค่ะ คุณหมอปราการ ถมยางกูร ท่านก็บอกว่า พ่อแม่ไม่ควรต่อต้านเรื่องเกมกับลูก โดยเฉพาะในเด็กที่ติดเกมแล้ว แต่ควรสร้างกฏ กติกา ร่วมกันกับลูก (ทางที่ดี ตั้งแต่เริ่มต้นจะซื้อให้ค่ะ) และ จงเป็นพ่อแม่ที่มั่นคงหนักแน่นในการรักษากติกานั้น ไม่ใจอ่อนหรือ ปล่อยให้ลูกสามารถครอบครองเครื่องตามอำเภอใจ (ห้ามไว้ในห้องนอนเด็ดขาด)
ปัจจุบันนี้มีจำนวนเด็กติดเกมมากขึ้นเรื่อยๆ มาดูเรื่องภาวะของสมองนะคะ
คุณหมอบอกว่า เวลาเด็กเล่นเกม สมองจะหลั่งสาร โดปามีน ซึ่งทำให้รู้สึกมีความสุข (เช่นเดียวกับสูบบุหรี่ สารเสพติดอื่นๆ) หากปล่อยให้เด็กเล่นจนติด สมองหลั่งโดปามีนทุกวัน จนวันไหนไม่ได้เล่น จะหงุดหงิด ซึม ไม่มีความสุข ไปจนถึง พวกที่ติดเยอะ ก็เหมือนลงแดง คือ ก้าวร้าว อาละวาด ทนไม่ได้ต้องหนีออกไปเล่นล่ะคะ

*O* กล่าวว่า...

ขอเพิ่มเติมนิดนึงที่ว่าคุณหมอไม่ให้พ่อแม่ต่อต้านเกม แต่ไม่ใช่ว่าลูกไม่ได้อยากเล่นแต่ไปยัดเยียดให้ลูกนะคะ เพราะว่ามีคุณพ่อท่านหนึ่งถามว่า หากไม่ให้ลูกเล่นเกมเลยจะมีผลใดๆ ต่อสมองไหม คุณหมอก็ยืนยันว่า ส่วนใหญ่เด็กอยากเล่นเพราะต้องการตามเพื่อน คุยกับเพื่อนเรื่องเดียวกัน เหมือน ผู้ใหญ่คุยกันเรื่องละคร แต่ หากเด็กไม่ได้เล่นเกม ไม่มีผลเสียใดๆ ต่อสมองเลย ตรงข้ามการทำกิจกรรมอย่างอ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ มีกิจกรรมร่วมกันในบ้าน เด็กมีโอกาสได้เรียนรู้ดีกว่าค่ะ

มาต่อสำหรับบ้านที่ลูกติดเกมไปแล้ว
จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกติดเกมหรือไม่
ก็มีดัชนีบ่งชี้ เช่น การเรียนตกต่ำ ปวดเมื่อยสายตา ง่วงนอนเวลากลางวัน อ่อนเพลีย อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย เริ่มโกหกเพื่อให้ได้เล่นเกม ไปจนถึงหนีเรียนไปเล่นเกม

มีคุณแม่ท่านหนึ่งยกมือถามเพราะลูกเริ่มมีอาการดังกล่าว
คุณหมอแนะนำว่าควรรีบพาลูกไปพบจิตแพทย์ ซึ่งมีอยู่ทุกร.พ.ของรัฐ ซึ่งเขาจะมีวิธีการพูดคุยกับเด็ก มีแบบคัดกรองประเมิน เพื่อดูว่าติดอยู่ในระดับไหน วิธีการช่วยมีทั้งปรับพฤติกรรม ไปจนถึง การให้ยา เพื่อให้สารเคมีกลับมาสมดุล (ฤทธิ์ของเจ้าโดปามีนที่กล่าวมาแล้ว)
ฟังแล้วอย่าปล่อยให้ลูกเราเลยเถิดไปถึงขั้นนั้นเลยนะคะ
ครูอ้อเคยไปนั่งอยู่ในร.ร.ประถม ฟังเด็กนั่งคุยกันถึงเกมต่างๆ ที่ตัวเองเล่นที่บ้าน ดูเด็กๆ ภาคภูมิใจมาก คุยแข่งกันใหญ่
ไม่ได้ต่อต้านว่าไม่ควรปล่อยให้เล่นนะคะ เราเองก็เคยเป็นเด็กมาก่อน อะไรฮิตก็อยากลอง แต่...ขอให้คุณพ่อคุณแม่มีเวลาดูแลใกล้ชิด เลือกสรรมากขึ้น ที่สำคัญความสุขของครอบครัวที่แท้จริงคงไม่ได้มาจากวัตถุต่างๆ หากแต่คือเวลาดีๆ ที่ได้ทำสิ่งต่างๆ ร่วมกัน

มีบ้านใดอยากแลกเปลี่ยนกันเชิญเลยนะคะ

ป.ล.จากข้อมูลที่ฟังมา แนะนำว่าไม่ควรเล่นเกมเกิน ๒ ช.ม.ต่อวัน แต่ครูอ้ออบรมเรื่องสมองมาหลายที่ เด็กเล็กๆ อย่างที่คุณแม่ปาร์ถามมา ประถมต้น ไม่ควรให้ลูกอยู่หน้าจอเกิน ๓๐ นาทีนะคะ :)

นันท์ชวัล กล่าวว่า...

มีลูกชายอยู่ ป.6 ลูกสาวอยู่ ป.2ค่ะ จะออกจากโรงเรียนประมาณ 5 โมงครึ่ง ถึงบ้านประมาณ 6 โมง 15 นาที ก็จะให้เขาอาบน้ำ (บางทีก็ไม่ยอมเพราะกลัวไม่ทันดูละคร) จะอนุญาตให้ดูละครอยู่เรื่องเดียวคือ หุ่นกายสิทธิ์ ทางทีไอทีวี ตอน 6 โมงครึ่ง พอทุ่มหนึ่ง ก็ปิดทีวี เขาก็ต้องอาบน้ำ ทานข้าว ทำการบ้าน ไปเรื่อย ๆ ถ้าลูกทำการบ้านเสร็จก่อน 2 ทุ่ม แม่ก็จะได้ดูข่าวพระราชสำนัก และลูกก็จะได้ดูเก็บตก ส่วนใหญ่จะได้ดูกันค่ะ 2 ทุ่มครึ่งก็ ปิดทีวี เตรียมตัวนอน แต่ส่วนใหญ่คนเล็กจะหลับ 3 ทุ่ม คนโตประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง เพราะขอวาดรูปหรือต่อ Lego วันศุกร์คนโตจะได้ดูรายการที่เขาชอบดึกหน่อย เช่น กบนอกกะลา
แต่คนเล็ก หลับตามเคย
เพราะฉะนั้นใน 1 วันเรียนก็จะหมดไปแล้วค่ะ
ในวันเสาร์อาทิตย์ วันเสาร์ครึ่งวันเช้า เรียนเสริม ครึ่งวันบ่ายกินขนม เดินเล่นห้างบ้าง เย็นว่ายน้ำ วันเสาร์ 6 โมงเย็นต้องดู บางรักซอย 9 ทั้งครอบครัว ตอนดึกคนโตจะดูทีวีกับพ่อบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะนอนประมาณ 4 ทุ่มค่ะ
การบ้านจะพยายามทำให้เสร็จวันเสาร์ เพราะไม่งั้นเดี๋ยววันอาทิตย์อดเที่ยว วันอาทิตย์จะพักจริง ๆ เพราะคุณพ่ออยู่ด้วย จะตื่นสาย จะเป็นทัวร์กินเป็นส่วนใหญ่ ไม่ก็ไปขี่จักรยาน ไปเที่ยวใกล้ ๆ เช่น อยุธยา หรือไม่ก็ไปเดินตลาดนัด ไปเดินสำเพ็ง ไปทำธุระส่วนตัว เช่น ตัดผม ซื้อของ ก็จะอยู่นอกบ้านแทบทั้งวัน
คอมที่มีอยู่ที่บ้านเป็นโน้ตบุ๊ค ลูกคนโตจะใช้เวลาหาข้อมูลเท่านั้นค่ะ
บางครั้งบ่ายวันเสาร์ไม่มีอะไรทำก็จะมานั่งที่ออฟฟิศ ก็จะเจอคอมพิวเตอร์ เขาก็จะขอเล่นเกมบ้าง ส่วนใหญ่เกมที่ให้เล่นจะเป็น เกม Lego เป็นเกมต่อ Puzzle รถแข่ง อะไรอย่างนี้ค่ะ จะเล่นต้องทำการบ้านมาแลกเปลี่ยนก่อน ให้เล่นครั้งละไม่เกิน 20 นาที วันหนึ่งให้เล่น ประมาณ 2 รอบค่ะ
วันไหนไม่มาออฟฟิศก็อดเล่นค่ะ